สักตรงไหนดี?
ปกติที่เห็นคนกังวลเกี่ยวกับบริเวณที่จะสักก็หนีไม่พ้นเรื่องบริเวณที่สักแล้วเจ็บ
ความจริงคนเรามีระดับความอดทนต่อความเจ็บปวดที่ผิวหนังไม่เท่ากัน
แต่หลักการโดยทั่วไปคือตรงไหนที่เนื้อหนาจะเจ็บน้อย ตรงไหนเนื้อบางกว่า
ติดกระดูกหรือเส้นประสาท ก็จะเป็นจุดที่เจ็บมาก ลองดูเอาจากแผนภาพได้เลย
ลายสักที่อยากได้ก็มีผลต่อบริเวณที่จะสักเหมือนกัน
บางคนเอาลายเป็นตัวตั้งแล้วหาที่ลง
บางคนเอาบริเวณเป็นตัวตั้งแล้วเลือกลายที่เหมาะสมกับพื้นที่
อันนี้ก็แล้วแต่ถนัดเลย
แต่มีข้อควรระวังอยู่บ้างสำหรับกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องขยับบ่อย
การเลือกสักบางลายจะทำให้ลายบิดเบี้ยวผิดรูประหว่างที่ใช้งานกล้ามเนื้อตรงนั้น
(ไม่ใช่บิดแล้วเบี้ยวเลยนะ บิดแล้วก็กลับมาปกติตอนไม่ขยับนี่ละ) ถ้ารับได้ก็เอา
นอกจากนี้สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือเรื่องหน้าที่การงานหรือสังคมแบบที่คนพูดกันมาซ้ำๆนั่นแหละ
ส่วนตัวเราไม่ห้ามใครสักนะ เพราะเรามองวรอยสักในแง่บวกเสมอ
เพราะมันสวยงามเป็นศิลปะ แต่ถ้าชีวิตมันมีอะไรบังคับให้ต้องแอบๆสัก ไม่ว่าจะด้วยงานหรือคนรอบตัว
ก็เลือกสักในร่มผ้าหน่อย ส่วนใครที่ขบถสุดแรง อยากสักตรงไหนก็เอาเลย ตามสบาย
มียาชาให้ใช้มั้ย?
มียาชาให้ใช้มั้ย?
คำตอบคือมี ยาสาส่วนมากที่ใช้ในงานสักจะมี 2 แบบ
กลุ่มแรกเป็นครีมหลอดๆทาก่อนเริ่มงานได้เลย ส่วนอีกแบบคือแบบพ่น ที่เอาไว้ใช้ตอนสักไปแล้ว
มักจะใช้ในกรณีที่ลูกค้าทนไม่ไหวจริงๆ แต่มันก็เหลืออีกนิดเดียวแล้ว
ช่างก็จะพ่นยาแล้วรอสัก 5 นาที
เพื่อให้ผิวหนังชาและรีบทำการสักต่อไปจนจบได้ในที่สุด
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าใช้ยาชาแล้วจะไม่เจ็บเลยนะ มันก็ยังเจ็บอยู่
แต่จะน้อยลงกว่าเดิมแค่นิดหน่อย
ช่างสักเขาคิดราคากันยังไง?
คิดว่าอันนี้คงเป็นอีกคำถามนึงที่หลายๆคนอยากรู้ โดยคร่าวๆแล้วการคิดราคาของช่างจะแบ่งเป็นสองแบบ คือการตีราคาแบบเหมาทั้งชิ้นงานหรือการคิดค่าตัวเป็นรายชั่วโมง ส่วนมากช่างที่เทิร์นโปรฯแล้วกับช่างดังๆจะชอบคิดเป็นรายชั่วโมง อย่างต่ำๆก็เริ่มที่ 2000 มีเรื่อยไปยัน 7000-8000 โน่นเลย ส่วนการตีราคาเหมาทั้งชิ้นมักจะเป็นวิธีที่ช่างหัดใหม่หรือช่างที่พรรษายังไม่แก่กล้ามากเขาใช้กัน การตีราคาก็ดูที่ขนาด สี หรือความซับซ้อนของลาย เท่าที่เคยได้ยินมานะ ถูกที่สุดคือสักตัวจีนแบบถมดำ ขนาดประมาณนิ้วนึงได้มั้ง แถวสะพานพุทธ ตัวละ 300 บาท ก็หลายปีมากแล้ว สมัยเรายังเรียนมหาลัยมีรุ่นน้องไปสักมาก็เอามาเล่าสู่กันฟัง แต่กับร้านที่สภาพแวดล้อมดี สะอาดไว้ใจได้ ส่วนมากจะเริ่มที่ 500 บาทกันหมด จะเป็นพวกงาน minimalist ที่เล็กจริงๆ ประเภทพระจันทร์เสี้ยวขนาดเท่าเหรียญสลึง หรือสามเหลี่ยมไม่มีฐานสองอันวางขนานกันกลายเป็นหูแมวเล็กๆ ลายแบบที่จรดเข็มลงเนื้อไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จอะไรแบบเนี้ย
มาพูดถึงการคิดราคารายชั่วโมงต่อ เขาจะมีตัวที่จับเวลาติดไว้กับเครื่องสัก เข็มขยับตอนไหนเลขเวลาจะเดินไป เป็นวิธีที่เที่ยงตรงมาก เพราะถ้าไม่มีตัวจับเวลาที่ทำงานสัมพันธ์กับเข็มสักแล้ว ถ้าช่างอู้ แกล้งทำช้าๆก็จะยิ่งกินเวลานาน การจะสักกับช่างที่คิดราคาเป็นชั่วโมง ถ้าเป็นงานที่ไม่ใหญ่มาก สามารถจบได้ภายในไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง เขาก็มักจะเอารวดเดียวให้มันจบในนัดครั้งนั้นเลย งานไหนที่ใหญ่มากๆถึงจะแบ่งทำ อย่างงานเต็มหลังเดินเส้นอย่างเดียวก็กินไป 2 ชั่วโมงได้แล้ว วันหลังค่อยมาลงสีกันอีก แบ่งการลงสีเป็นส่วนๆไป กว่าจะเสร็จก็นานหลายเดือน แบ่งจ่ายเอาเป็นงวดๆตามที่มาทำ ไม่ได้ต้องจ่ายเงินโครมทั้งก้อนใหญ่ 50-60k แบบนั้น หรือใครที่มีงบจำกัด อยากทำทีละชั่วโมงไปก็สามารถบอกช่างได้นะ ไม่ต้องอาย ช่างเขามีวิธีบริหารเวลาเพื่อสักให้ออกมาจนได้แหละ
โดยทั่วไปช่างจะให้ลูกค้าทำการมัดจำเสียก่อนที่จะจองวันสัก ช่างที่คิดค่าตัวแบบรายชั่วโมงก็มักจะให้มัดจำด้วยราคาครึ่งชั่วโมง ถ้าสักเกินกว่านั้นก็มาจ่ายเพิ่มหน้างาน สักพอดีครึ่งชั่วโมงก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่สักเหลือเวลาอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะเพราะยังไม่เคย ส่วนช่างพรรษาน้อยส่วนมากจะให้มัดจำที่ 500-1000 นึงเป็นอย่างมาก ถ้าต้องจ่ายเพิ่มก็ไปว่ากันหน้างาน
ช่างสักเขาคิดราคากันยังไง?
คิดว่าอันนี้คงเป็นอีกคำถามนึงที่หลายๆคนอยากรู้ โดยคร่าวๆแล้วการคิดราคาของช่างจะแบ่งเป็นสองแบบ คือการตีราคาแบบเหมาทั้งชิ้นงานหรือการคิดค่าตัวเป็นรายชั่วโมง ส่วนมากช่างที่เทิร์นโปรฯแล้วกับช่างดังๆจะชอบคิดเป็นรายชั่วโมง อย่างต่ำๆก็เริ่มที่ 2000 มีเรื่อยไปยัน 7000-8000 โน่นเลย ส่วนการตีราคาเหมาทั้งชิ้นมักจะเป็นวิธีที่ช่างหัดใหม่หรือช่างที่พรรษายังไม่แก่กล้ามากเขาใช้กัน การตีราคาก็ดูที่ขนาด สี หรือความซับซ้อนของลาย เท่าที่เคยได้ยินมานะ ถูกที่สุดคือสักตัวจีนแบบถมดำ ขนาดประมาณนิ้วนึงได้มั้ง แถวสะพานพุทธ ตัวละ 300 บาท ก็หลายปีมากแล้ว สมัยเรายังเรียนมหาลัยมีรุ่นน้องไปสักมาก็เอามาเล่าสู่กันฟัง แต่กับร้านที่สภาพแวดล้อมดี สะอาดไว้ใจได้ ส่วนมากจะเริ่มที่ 500 บาทกันหมด จะเป็นพวกงาน minimalist ที่เล็กจริงๆ ประเภทพระจันทร์เสี้ยวขนาดเท่าเหรียญสลึง หรือสามเหลี่ยมไม่มีฐานสองอันวางขนานกันกลายเป็นหูแมวเล็กๆ ลายแบบที่จรดเข็มลงเนื้อไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จอะไรแบบเนี้ย
มาพูดถึงการคิดราคารายชั่วโมงต่อ เขาจะมีตัวที่จับเวลาติดไว้กับเครื่องสัก เข็มขยับตอนไหนเลขเวลาจะเดินไป เป็นวิธีที่เที่ยงตรงมาก เพราะถ้าไม่มีตัวจับเวลาที่ทำงานสัมพันธ์กับเข็มสักแล้ว ถ้าช่างอู้ แกล้งทำช้าๆก็จะยิ่งกินเวลานาน การจะสักกับช่างที่คิดราคาเป็นชั่วโมง ถ้าเป็นงานที่ไม่ใหญ่มาก สามารถจบได้ภายในไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง เขาก็มักจะเอารวดเดียวให้มันจบในนัดครั้งนั้นเลย งานไหนที่ใหญ่มากๆถึงจะแบ่งทำ อย่างงานเต็มหลังเดินเส้นอย่างเดียวก็กินไป 2 ชั่วโมงได้แล้ว วันหลังค่อยมาลงสีกันอีก แบ่งการลงสีเป็นส่วนๆไป กว่าจะเสร็จก็นานหลายเดือน แบ่งจ่ายเอาเป็นงวดๆตามที่มาทำ ไม่ได้ต้องจ่ายเงินโครมทั้งก้อนใหญ่ 50-60k แบบนั้น หรือใครที่มีงบจำกัด อยากทำทีละชั่วโมงไปก็สามารถบอกช่างได้นะ ไม่ต้องอาย ช่างเขามีวิธีบริหารเวลาเพื่อสักให้ออกมาจนได้แหละ
โดยทั่วไปช่างจะให้ลูกค้าทำการมัดจำเสียก่อนที่จะจองวันสัก ช่างที่คิดค่าตัวแบบรายชั่วโมงก็มักจะให้มัดจำด้วยราคาครึ่งชั่วโมง ถ้าสักเกินกว่านั้นก็มาจ่ายเพิ่มหน้างาน สักพอดีครึ่งชั่วโมงก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่สักเหลือเวลาอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะเพราะยังไม่เคย ส่วนช่างพรรษาน้อยส่วนมากจะให้มัดจำที่ 500-1000 นึงเป็นอย่างมาก ถ้าต้องจ่ายเพิ่มก็ไปว่ากันหน้างาน
เตรียมตัวยังไงก่อนไปสัก?
หัวข้อนี้เราจะพูดถึงการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการไปสัก
ให้พร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
รวมทั้งจะพูดถึงมารยาททั่วไปของการใช้บริการร้านสักด้วย
เพราะสังเกตว่าหลายๆคนไม่ค่อยพูดถึงกันทั้งที่มันสำคัญ
- ถ้าจะสัก quote ให้ตรวจสอบตัวสะกดให้แม่นยำหลายๆครั้ง
ทั้งตรวจเองและให้คนรอบตัวช่วย ยิ่งถ้าเป็นภาษาต่างประเทศยิ่งต้องเช็คหลายๆรอบเลย
เปิดพจนานุกรมดูตัวสะกดและความหมาย หาเจ้าของภาษาตัวจริงมาถาม
ถ้าเป็นประโยคยาวๆก็ต้องเช็คแกรมม่าด้วย บางคนไม่ได้รู้ภาษานั้นๆแล้วไปสักมา
ออกมาเป็นคำบ้าๆบอๆดูตลก หรือเป็นประโยคที่ไม่ makes sense เลย
ควรปรินท์คำที่ถูกต้องด้วยตัวพิมพ์ปกติติดไปด้วยเพื่อเช็คซ้ำหลังจากที่ช่างวาดลงกระดาษลอกลาย
การสัก quote ต้องระวังที่สุด อย่าชุ่ยเด็ดขาด recheck
เยอะๆ เพราะผิดขึ้นมาจะดูโง่มาก
- ในกรณีที่ลายไม่ได้ยากมากถึงขนาดที่ต้องคุยงานก่อนวันนัดและช่างออกแบบไว้นานๆ ก็ต้องเตรียม reference ไปให้พร้อมอยู่ดี จะได้ไม่ฉุกละหุกหน้างาน
- ในกรณีที่ลายไม่ได้ยากมากถึงขนาดที่ต้องคุยงานก่อนวันนัดและช่างออกแบบไว้นานๆ ก็ต้องเตรียม reference ไปให้พร้อมอยู่ดี จะได้ไม่ฉุกละหุกหน้างาน
- หลีกเลี่ยงการทำผิวแทนด้วยวิธีการต่างๆอย่างน้อย 1 อาทิตย์ก่อนนัด
ถ้าเป็นการอาบแดดหรือใช้เตียงยูวีมันจะกระทบกระเทือนผิวมาก
ถ้าเป็นการทาครีมชั่วคราวมันก็จะออกมาเละ แลดูไม่งามเท่าที่ควร
- ก่อนทำการนัดควรคำนวนรอบเดือนก่อนสำหรับผู้หญิง ช่วงที่มีรอบเดือนไม่ควรสัก เพราะประสาทสัมผัสจะไว ยิ่งทำให้รับรู้ความเจ็บได้ง่ายขึ้น
- ก่อนทำการนัดควรคำนวนรอบเดือนก่อนสำหรับผู้หญิง ช่วงที่มีรอบเดือนไม่ควรสัก เพราะประสาทสัมผัสจะไว ยิ่งทำให้รับรู้ความเจ็บได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรสักระหว่างช่วงที่เข้าคอร์สเลเซอร์ขนตามร่างกายหรือหลังจากแว๊กซ์ขนไม่เกิน 1 อาทิตย์ เพราะผิวจะกระทบกระเทือนได้เช่นกัน
- เตรียมเปลี่ยนผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหัว เสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ล่วงหน้าสัก 2-3 วันก่อนสัก เพื่อที่สักมาแล้วจะได้ไม่ต้องใช้ของเดิมที่หมักหมม
- สำหรับผู้ชายขอเตือนเลยว่าสครับผิวกันซะบ้าง
เรารู้ว่าหลายๆคนเกิดมาไม่เคยใช้สครับเลยหรือแม้แต่ใยขัดตัวตอนอาบน้ำ
มีแค่สองมือเปล่ากับสบู่เท่านั้น แล้วคิดดูว่าขี้ไคลจะหมักหมมแค่ไหน
มันไม่ดีหรอกที่จะสักลงไปบนผิวแบบนั้น และก็น่าอายด้วย
- สำหรับสาวๆถ้าจะสักบริเวณใกล้รักแร้ ช่วยกำจัดขนรักแร้ไปก่อนด้วย คุณอาจจะไม่อายช่าง แต่ช่างมักจะถ่ายรูปผลงานของเขาไปลงในสื่อโซเชียลต่างๆ มันก็จะติดไปในรูป บางทีช่างก็จะแท็กหาคุณด้วยนะ เมื่อนั้นแหละได้อายสายตาประชาชีแน่ๆ นอกเสียจากว่าคุณเป็นเฟมินิสท์ที่มองว่าผู้หญิงมีขนรักแร้คือเรื่องที่โคตรปกติเลย อันนี้ก็เอาที่สบายใจเลยจ้า
- ซื้อเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดูแลรอยสักไว้ให้พร้อม จะได้ไม่ต้องฉุกละหุกเตรียมหลังสักเสร็จ นอกบ้านสิ่งสกปรกมันเยอะ แผลสักก็คือแผลเปิด สักเสร็จก็รีบกลับบ้านมาอยู่ในที่ของเราเองที่จะดูแลความสะอาดได้สะดวกดีกว่า
- สำหรับสาวๆถ้าจะสักบริเวณใกล้รักแร้ ช่วยกำจัดขนรักแร้ไปก่อนด้วย คุณอาจจะไม่อายช่าง แต่ช่างมักจะถ่ายรูปผลงานของเขาไปลงในสื่อโซเชียลต่างๆ มันก็จะติดไปในรูป บางทีช่างก็จะแท็กหาคุณด้วยนะ เมื่อนั้นแหละได้อายสายตาประชาชีแน่ๆ นอกเสียจากว่าคุณเป็นเฟมินิสท์ที่มองว่าผู้หญิงมีขนรักแร้คือเรื่องที่โคตรปกติเลย อันนี้ก็เอาที่สบายใจเลยจ้า
- ซื้อเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดูแลรอยสักไว้ให้พร้อม จะได้ไม่ต้องฉุกละหุกเตรียมหลังสักเสร็จ นอกบ้านสิ่งสกปรกมันเยอะ แผลสักก็คือแผลเปิด สักเสร็จก็รีบกลับบ้านมาอยู่ในที่ของเราเองที่จะดูแลความสะอาดได้สะดวกดีกว่า
- คนไว้เล็บยาวควรจัดการเล็บให้เรียบร้อยก่อน ไม่ว่าจะยาวธรรมชาติหรือเล็บต่อ เพราะเล็บยาวสะสมเชื้อโรคง่าย ไม่ดีต่อการดูแลแผลสัก ที่ให้ทำก่อนวันนัดก็มีเหตุผลแบบข้อข้างบนเลย
- พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 2 คืนก่อนวันนัด
- ในวันนัดต้องกินข้าวให้อิ่ม อย่าปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด จะทำให้เป็นลมได้
- ถ้าไม่สามารถไปทันเวลานัด ก็ต้องโทรแจ้งช่างด้วย เพราะเขาอาจจะรันคิวใหม่ เอาคนที่สามารถจบงานได้ก่อนที่คุณจะไปถึงมาเสียบไว้แทน เขาจะได้ไม่เสียรายได้ไป
- ไม่ควรดื่มของมึนเมาหรือใช้สารเสพติดด้วยจุดประสงค์ที่ว่าจะช่วยระงับความเจ็บปวด แอลกอลฮอลล์จะยิ่งทำให้เลือดไหลเวียนเร็ว เลือดจะออกมากขึ้นด้วยซ้ำ และไม่เป็นผลดีกับแผลเลย
- ควรพกน้ำไปดื่มด้วยเพื่อป้องกันการขาดน้ำระหว่างสัก
- พกลูกอมหรืออมยิ้มไปอมเล่นระหว่างสักก็ดี น้ำตาลจะช่วยคลายเครียดหรือลดอาการมึนๆได้
- ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบพูดกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ก็พกเพลงไปฟังตอนสักได้ ช่างที่มืออาชีพพอจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องชวนคุณคุยเพื่อคลายเครียด
- ถ้าจะพาเพื่อนไปเป็นกำลังใจ พาไปแค่คนเดียวก็พอ
และอย่าเลือกคนที่เอะอะมะเทิ่งมากนัก มันจะทำให้ช่างเสียสมาธิ
- แล้วก็ไม่ต้องพาเด็กเล็กไปด้วยละ เด็กบางคนอาจจะซนหนึ่ง
สองเด็กอ่อนก็ภูมิคุ้มกันยังไม่ดีพอ
ร้านสักเป็นสถานที่ที่มีเลือดมีหนองอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีการรักษาความสะอาดดีแค่ไหนก็ตามก็ยังเสี่ยงเกินไปสำหรับเด็กอ่อน
สรุปไม่ควรพาไป
- ตอนที่ช่างติด stencil เพื่อลอกลายสักให้
ถ้าได้ตำแหน่งที่ยังไม่ตรงใจ สามารถบอกให้แก้ได้ จะกี่รอบก็ได้ เอาให้ถูกใจที่สุด
ช่างจะไม่หาว่าจู้จี้เกินไป
เพราะช่างก็ต้องอยากให้งานออกมาเป็นที่พอใจแก่ลูกค้าที่สุดเหมือนกัน
- ถ้าสภาพคล่องไม่แย่นักก็ควรทิปช่างสัก 10% ด้วยนะ
- ถ้าสภาพคล่องไม่แย่นักก็ควรทิปช่างสัก 10% ด้วยนะ
references:
http://www.tattoojohnny.com/blog?pagenumber=41
http://www.risentattoo.com/services/
http://www.cssd-gotoknow.org/2014/12/monitoring-of-sterilization.html
http://www.euroscan.co.th/th/main/content.php?page=products&category=37&id=149
http://www.cisthailand.com/?page_id=240
photo credits:
http://www.inkcouturenyc.com/
http://www.highsnobiety.com/2013/11/15/10-best-tattoo-parlors-united-states/
http://abcnews.go.com/blogs/headlines/2011/12/give-and-get-this-holiday-memphis-area-tattoo-shop-offers-tats-for-toys/
http://www.rayzortattoos.com/
http://www.barberdts.co.uk/tattoo-machine-protection-bags.html
http://www.tattoojohnny.com/blog?pagenumber=41
http://www.yelp.ca/biz_photos/new-tribe-tattooing-and-piercing-toronto-2?select=v_TaTGobCXYmLBPn6sODIQ
http://www.tattoomachineslk.com/TATTOO%20NEEDLES.html
http://pokeappreciationsociety.com/post/100817304741/poke-appreciation-society-presents-a-handpoking
http://www.needlesandsins.com/2012/06/
http://theloopny.com/cool-finds-big-joes-tattoos-white-plains/
http://www.risentattoo.com/services/
https://www.psychologytoday.com/blog/brain-babble/201504/when-it-comes-color-men-women-arent-seeing-eye-eye
http://www.cisthailand.com/?page_id=240
http://lionsdentalsupply.com/Crest_Powersonic_CP2600T_Ultrasonic_Cleaner.html
http://shop.hylyte.com/index.php?cPath=10_281
http://www.rebelcircus.com/blog/tag/tattoo-artist/
https://www.tattool.co/p/cheap-tattoos-arent-good/
http://www.lastsparrowtattoo.com/forum/general-tattoo-discussion/15-latest-tattoo-lowdown-page377.html
https://www.tattooeducation.com/Tattoo-Books/item3473.html
http://www.wowcher.co.uk/deals/lincolnshire/deal-1013-detail/9-instead-20-hour-sunbed-tanning-time-bennetts/deal.html
http://health.howstuffworks.com/skin-care/beauty/hair-removal/laser-hair-removal-cost.htm
http://www.nytimes.com/2015/04/03/fashion/mens-style/body-scrub-like-a-man.html
http://www.look.co.uk/beauty/11-problems-every-girl-whos-had-fake-nails-will-know
https://news.bme.com/tag/kids-and-animals/page/5/
http://www.ask.com/beauty-fashion/make-tattoo-stencil-1742ebc39af9864d
http://www.huffingtonpost.com/2014/05/16/tattoos-under-clothes-photos_n_5338565.html
การดูแลรักษารอยสักต้องทำยังไง?
ตอนแรกคิดนานมากว่าหัวข้อนี้เราจะอธิบายลงลึกแค่ไหนดี แต่คิดว่าจะอธิบายในส่วนของการดูแลทำความสะอาดแผลใหม่แบบรวบรัดตัดความจะดีที่สุด เพราะว่ายิ่งเราพยายามให้รายละเอียดเยอะเท่าไหร่มันอาจจะยิ่งทำให้สับสนได้ เราเคยดูคลิปใน YouTube เยอะมากเกี่ยวกับการสัก ดูไป 5 คลิปก็มีวิธีดูแลรักษาที่แตกต่างกันอย่างละนิดละหน่อยถึง 3 วิธี ไม่รู้อันไหนดีที่สุด บางอย่างที่คนนึงพูด อีกคนบอกว่าช่างบอกว่ามันไม่จำเป็น ยิ่งดูมากก็ยิ่งสับสน เราเลยจะบอกว่าถามช่างตัวเองดีที่สุด เขาพูดมายังไงก็ว่าตามนั้น ไม่ต้องไปฟังคนอื่น ยึดตามที่ช่างบอกเลย เกิดมันมีอะไรผิดพลาดมาตรงไหนเราก็เบลมเขาได้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าเราไปทำตามแนวทางคนอื่นแล้วมันเกิดผิดปกติ แบบนี้เราจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิธีของช่างเองหรือของคนอื่นที่เราริไปทำเพิ่ม และจะโทษช่างก็ไม่ได้ เขาจะหาว่าเราอุตริไปทำเองทำไมละ แต่ถ้าจะต้องแนะนำแบบคร่าวๆละก็ ของใช้ที่จะต้องเตรียมติดไว้เพื่อรักษาความสะอาดและดูแลรอยสักก็มีตามนี้
ตอนแรกคิดนานมากว่าหัวข้อนี้เราจะอธิบายลงลึกแค่ไหนดี แต่คิดว่าจะอธิบายในส่วนของการดูแลทำความสะอาดแผลใหม่แบบรวบรัดตัดความจะดีที่สุด เพราะว่ายิ่งเราพยายามให้รายละเอียดเยอะเท่าไหร่มันอาจจะยิ่งทำให้สับสนได้ เราเคยดูคลิปใน YouTube เยอะมากเกี่ยวกับการสัก ดูไป 5 คลิปก็มีวิธีดูแลรักษาที่แตกต่างกันอย่างละนิดละหน่อยถึง 3 วิธี ไม่รู้อันไหนดีที่สุด บางอย่างที่คนนึงพูด อีกคนบอกว่าช่างบอกว่ามันไม่จำเป็น ยิ่งดูมากก็ยิ่งสับสน เราเลยจะบอกว่าถามช่างตัวเองดีที่สุด เขาพูดมายังไงก็ว่าตามนั้น ไม่ต้องไปฟังคนอื่น ยึดตามที่ช่างบอกเลย เกิดมันมีอะไรผิดพลาดมาตรงไหนเราก็เบลมเขาได้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าเราไปทำตามแนวทางคนอื่นแล้วมันเกิดผิดปกติ แบบนี้เราจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิธีของช่างเองหรือของคนอื่นที่เราริไปทำเพิ่ม และจะโทษช่างก็ไม่ได้ เขาจะหาว่าเราอุตริไปทำเองทำไมละ แต่ถ้าจะต้องแนะนำแบบคร่าวๆละก็ ของใช้ที่จะต้องเตรียมติดไว้เพื่อรักษาความสะอาดและดูแลรอยสักก็มีตามนี้
- paper
towel
เอาไว้ซับแผลให้แห้งหรือแปะทับรอยสักแทนผ้าพันแผล ควรเลือกแบบไม่มีพิมพ์ลาย
- Bepanthen First Aid
เป็น anti-septic cream ที่ใช้ได้กับแผลสดขนาดเล็ก
- clinging wrap
ใช้พันรอบแผลทับลงบนกระดาษทิชชูแบบหนาได้
- castile soap
คือสบู่ใสที่ทำจากน้ำมันมะกอก เลือกเอาที่ไม่แต่งสีไม่แต่งกลิ่นใดๆ ใช้ทำความสะอาดแผลได้โดยไม่ทำให้แผลแห้งจนเกินไป พวกสบู่ anti-bacteria อาจจะแรงเกินไปถ้ามีผิวแห้ง และสบู่เด็กที่คนเข้าใจว่าอ่อนโยนต่อผิวก็ตัวดีเลย จริงๆมันผสมน้ำหอมกันเยอะมาก
- lotion
เอาไว้ทาผิวในช่วงที่แผลหายและเริ่มตกสะเก็ด จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ ต้องเลือกแบบไม่แต่งสีแต่งกลิ่นอีกเช่นกัน
- first aid tape
ไม่มีอะไรมาก เทปทำแผลตามกล่องปฐมพยาบาลนั่นแหละ
แต่พวกนี้คือสิ่งที่ทุกคนควรทำและไม่ควรทำ ที่ไม่ว่าจะช่างไหนๆหรือ youtuber คนใดก็พูดไว้ตรงกัน รวบรวมจากวิดิโอและเวบบอร์ดที่เคยได้ดูมา จากประสบการณ์ตรงของเราเองและคนรอบตัว
- ไม่มีอาหารแสลง อยากกินอะไรก็กินได้เลยตามปกติ ช่วงแผลยังสดก็กินอาหารให้ครบหมู่ น้ำสะอาดให้ดื่มเยอะๆ
- ห้ามมีแอลกอฮอลล์เข้าปากอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังสัก ถ้าทำได้ก็งดไปจนกว่าแผลจะเริ่มตกสะเก็ดเลยยิ่งดี
- หลังสัก 1 อาทิตย์ ห้ามว่ายน้ำในสระ เล่นทะเล อาบแดด/เตียงอบผิว เข้าซาวน่า/สตีม เล่นกีฬาทางน้ำทุกชนิด กำจัดขนทุกวิธี สครับผิว ทำสปา ใช้อุปกรณ์ฟิตเนส/เสื่อโยคะร่วมกับผู้อื่น ใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะ
- เครื่องใช้ส่วนตัวหลายๆอย่างที่ใช้ซ้ำไปซ้ำมาควรหมั่นทำความสะอาดด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื่อโยคะ เสื้อคลุมอาบน้ำ
- ใส่เสื้อผ้าแบบสวมสบายที่สะอาดอยู่เสมอในช่วงเวลาที่แผลยังไม่ตกสะเก็ด
- ถ้าสักแถวเท้าก็ต้องสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี งดการใส่ถุงเท้าไปก่อน
- พยายามอย่าใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณที่สักงานชิ้นใหญ่ๆมากขณะที่แผลยังใหม่ เช่น สักเต็มต้นแขนก็อย่าเพิ่งยกเวธ อย่าไปสักไซส์สามฝ่ามือที่ต้นขาก่อนจะลงวิ่งมาราธอนไม่กี่วัน อาจทำให้แผลจะช้ำ พักออกกำลังกายหนักๆไปสักอาทิตย์คงไม่เป็นอะไรมาก
- พยายามอย่าให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างอื่นแทรกซ้อนในบริเวณที่สัก (เช่นสักแถวตาตุ่มหรือหลังเท้าแต่ดันไปทำข้อเท้าแพลง) แผลจะได้ไม่เสียและไม่ต้องทายาซ้ำซ้อนลงจุดเดิม
- เวลาแผลเริ่มตกสะเก็ดห้ามลอกเล่น ปล่อยมันลอกเอง และมันจะคันด้วย อย่าเกาเด็ดขาด ให้ใช้ปลายนิ้วตบเบาๆทั่วบริเวณ จะบรรเทาอาการคันได้พอสมควร
- หลังจากแผลแห้งสนิทดีแล้ว ถ้าออกแดดต้องใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแดดได้ ถ้าจะให้ดีก็ทากันแดดไปเลยโดยเฉพาะกับงานสี
แล้วจะสักดีมั้ย?
เจอบ่อยมากเหมือนกันกับกระทู้ที่ถามว่าจะสักดีมั้ยหรือจะสักรูป....ดีหรือเปล่า ไม่ได้รำคาญคำถามเลยนะ แต่รำคาญคนตอบบางพวกมากกว่า ที่ให้คำตอบแบบคนไม่รู้จริงว่าให้ไปลองเพนท์เฮนน่าก่อนว่าชอบมั้ย ถ้าชอบค่อยสัก ทุกครั้งที่อ่านแล้วต้องกลอกตาเป็นเลขแปดไทย (๘) รัวๆด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและขำปนๆกัน ขอบอกไว้ตรงนี้ในฐานะคนรักรอยสักและติ่งอินเดียเลยว่าเฮนน่ากับรอยสักมันคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
เอาไว้ซับแผลให้แห้งหรือแปะทับรอยสักแทนผ้าพันแผล ควรเลือกแบบไม่มีพิมพ์ลาย
- Bepanthen First Aid
เป็น anti-septic cream ที่ใช้ได้กับแผลสดขนาดเล็ก
- clinging wrap
ใช้พันรอบแผลทับลงบนกระดาษทิชชูแบบหนาได้
- castile soap
คือสบู่ใสที่ทำจากน้ำมันมะกอก เลือกเอาที่ไม่แต่งสีไม่แต่งกลิ่นใดๆ ใช้ทำความสะอาดแผลได้โดยไม่ทำให้แผลแห้งจนเกินไป พวกสบู่ anti-bacteria อาจจะแรงเกินไปถ้ามีผิวแห้ง และสบู่เด็กที่คนเข้าใจว่าอ่อนโยนต่อผิวก็ตัวดีเลย จริงๆมันผสมน้ำหอมกันเยอะมาก
- lotion
เอาไว้ทาผิวในช่วงที่แผลหายและเริ่มตกสะเก็ด จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ ต้องเลือกแบบไม่แต่งสีแต่งกลิ่นอีกเช่นกัน
- first aid tape
ไม่มีอะไรมาก เทปทำแผลตามกล่องปฐมพยาบาลนั่นแหละ
แต่พวกนี้คือสิ่งที่ทุกคนควรทำและไม่ควรทำ ที่ไม่ว่าจะช่างไหนๆหรือ youtuber คนใดก็พูดไว้ตรงกัน รวบรวมจากวิดิโอและเวบบอร์ดที่เคยได้ดูมา จากประสบการณ์ตรงของเราเองและคนรอบตัว
- ไม่มีอาหารแสลง อยากกินอะไรก็กินได้เลยตามปกติ ช่วงแผลยังสดก็กินอาหารให้ครบหมู่ น้ำสะอาดให้ดื่มเยอะๆ
- ห้ามมีแอลกอฮอลล์เข้าปากอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังสัก ถ้าทำได้ก็งดไปจนกว่าแผลจะเริ่มตกสะเก็ดเลยยิ่งดี
- หลังสัก 1 อาทิตย์ ห้ามว่ายน้ำในสระ เล่นทะเล อาบแดด/เตียงอบผิว เข้าซาวน่า/สตีม เล่นกีฬาทางน้ำทุกชนิด กำจัดขนทุกวิธี สครับผิว ทำสปา ใช้อุปกรณ์ฟิตเนส/เสื่อโยคะร่วมกับผู้อื่น ใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะ
- เครื่องใช้ส่วนตัวหลายๆอย่างที่ใช้ซ้ำไปซ้ำมาควรหมั่นทำความสะอาดด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื่อโยคะ เสื้อคลุมอาบน้ำ
- ใส่เสื้อผ้าแบบสวมสบายที่สะอาดอยู่เสมอในช่วงเวลาที่แผลยังไม่ตกสะเก็ด
- ถ้าสักแถวเท้าก็ต้องสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี งดการใส่ถุงเท้าไปก่อน
- พยายามอย่าใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณที่สักงานชิ้นใหญ่ๆมากขณะที่แผลยังใหม่ เช่น สักเต็มต้นแขนก็อย่าเพิ่งยกเวธ อย่าไปสักไซส์สามฝ่ามือที่ต้นขาก่อนจะลงวิ่งมาราธอนไม่กี่วัน อาจทำให้แผลจะช้ำ พักออกกำลังกายหนักๆไปสักอาทิตย์คงไม่เป็นอะไรมาก
- พยายามอย่าให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างอื่นแทรกซ้อนในบริเวณที่สัก (เช่นสักแถวตาตุ่มหรือหลังเท้าแต่ดันไปทำข้อเท้าแพลง) แผลจะได้ไม่เสียและไม่ต้องทายาซ้ำซ้อนลงจุดเดิม
- เวลาแผลเริ่มตกสะเก็ดห้ามลอกเล่น ปล่อยมันลอกเอง และมันจะคันด้วย อย่าเกาเด็ดขาด ให้ใช้ปลายนิ้วตบเบาๆทั่วบริเวณ จะบรรเทาอาการคันได้พอสมควร
- หลังจากแผลแห้งสนิทดีแล้ว ถ้าออกแดดต้องใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแดดได้ ถ้าจะให้ดีก็ทากันแดดไปเลยโดยเฉพาะกับงานสี
แล้วจะสักดีมั้ย?
เจอบ่อยมากเหมือนกันกับกระทู้ที่ถามว่าจะสักดีมั้ยหรือจะสักรูป....ดีหรือเปล่า ไม่ได้รำคาญคำถามเลยนะ แต่รำคาญคนตอบบางพวกมากกว่า ที่ให้คำตอบแบบคนไม่รู้จริงว่าให้ไปลองเพนท์เฮนน่าก่อนว่าชอบมั้ย ถ้าชอบค่อยสัก ทุกครั้งที่อ่านแล้วต้องกลอกตาเป็นเลขแปดไทย (๘) รัวๆด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและขำปนๆกัน ขอบอกไว้ตรงนี้ในฐานะคนรักรอยสักและติ่งอินเดียเลยว่าเฮนน่ากับรอยสักมันคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
เเฮนน่า (henna) คือพืชสมุนไพรของอินเดียที่คนเอามาสกัดสีเพื่อใช้ย้อมผมหรือเขียนประดับตามร่างกาย เฮนน่าจะให้สีโทนน้ำตาล น้ำตาลแดง น้ำตาลอมเหลือง หรืออมเขียวขี้ม้าก็ยังมี มันเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่อย่างนึงของอินเดียเขา มักจะใช้กันในพิธีแต่งงานที่เรียกว่า mehndi ที่เขาจะให้ช่างมาเขียนมือเขียนเท้าให้กับเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวในงาน
หรือใครที่ไม่ได้แต่งงานอยากจะเขียนประดับประดาร่างกายเล่นๆก็ทำได้ตามใจชอบ
พอเขียนลายเสร็จก็จะต้องรอให้แห้งก่อน อย่าเพิ่งขยับจนมันยู่เลอะติดกัน
พอเฮนน่าแห้งแข็งตัวดีแล้วเราก็แกะมันออกได้ มันจะเป็นคราบแข็งๆที่ล่อนออกเองได้
สีที่แท้จริงจะติดลงไปบนผิวเรา อยู่ได้นาน 7-10 วันโดยประมาณ
ในบ้านเราที่พาหุรัดก็มีร้านที่รับเขียนเยอะแยะหรือจะซื้อมาเล่นเองก็ได้ถ้าคิดว่าเขียนเป็น
แล้วมันก็มีคนไทยหัวใสที่เอาเฮนน่าหลอดๆแบบของคนอินเดียนี่ละมาเปิดกิจการเพนท์ตัว
พยายามเพนท์ลายแบบต่างๆรวมทั้งรอยสักด้วย
ซึ่งรอยสักหลายๆประเภทมันไม่สามารถใช้การเพนท์เฮนน่าทดแทนได้ ถ้าอยากได้ลาย tribal หรือพวก quote กับงาน minimalist ที่ไม่ซับซ้อนก็ทำได้สบาย หรือ mandala
นี่ยิ่งตรงสายเลยเพราะเป็นศิลปะอินเดียอยู่แล้ว
แต่ลองนึกสิว่าถ้าอยากทำงาน bio-mechanical หรือ old
school ละ จะไปให้ใครเขียนเฮนน่าให้ออกมาแบบนั้นได้มั้ยละ
อีกอย่างนะ ชั่วเวลาแค่วีคกว่าๆมันบอกไม่ได้หรอกว่าจะชอบรอยสักอันนั้นจริงรึเปล่าน่ะ เพราะงั้นถึงได้บอกไงว่าคนที่แนะนำแบบนั้นช่างไม่รู้เหนือรู้ใต้เอาซะเลย ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่รักรอยสักจริงๆจะไม่แนะนำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าขอร้องกันตรงนี้เลยละกันนะ เจอใครมาถามว่าจะสักดีหรือเปล่า อย่าได้ไปแนะนำให้ลองเขียนเฮนน่าแทนเลย เพราะมันไม่ใช่คำตอบ
4 ย่อหน้าผ่านไปเหมือนระบายความอัดอั้นของตัวเองมากกว่าเลยเนอะ ประเด็นที่อยากจะให้พิจารณาจริงๆก็คือระยะเวลาที่สนใจในการสัก เอาง่ายๆเลยนะ ถ้ารักรอยสักเองอยู่แล้วจริงๆจะไม่มาถามใครหรอกว่าจะสักดีมั้ย ก็คงกำเงินเดินไปร้านสักแล้วละ ถ้าเกิดว่าไปเจอรอยสักไหนสวยๆมาแล้วอยากได้อยากมีบ้าง โดยที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยสนใจไยดีเรื่องสักมาก่อน แบบนี้แนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบไปสักเลย หยุดคิดทบทวนก่อนดีกว่าว่าจริงๆแค่ปลื้มในรอยสักอันนั้นหรือรักรอยสักจริงๆกันแน่ เท่าที่เราได้เคยคุยแลกเปลี่ยนกับคนรักรอยสักมาหลายคน ส่วนมากก็มีใจชอบมาตั้งแต่อายุไม่เยอะกันทั้งนั้น ไม่ว่าแรงบันดาลใจจะมาจากไหนก็ตาม ถ้าสักเพราะตามแฟชั่น ถึงวันนึงก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรกับมันอีกต่อไป อาจจะไม่ถึงกับเกลียดจนอยากลบทิ้งหรือรู้สึกว่าคิดผิดที่ไปทำมา แต่ก็จะไม่สามารถมองรอยสักนั้นแล้วรู้สึกรักมันในทุกๆวันได้เลย คนที่รักในศิลปะการสักจริงๆจะมีอาการหมกมุ่นกับมันพอสมควรนะ จะชอบนั่งดูงานในเนท เวลาไปไหนที่เจอร้านสักก็มักจะแวะดูผลงาน ชอบดูคลิปเกี่ยวกับวงการสัก หรือแม้แต่ดั้นด้นไปเทศกาลสักต่างๆ ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่ได้รักในรอยสักมาก เราว่าให้เวลากับตัวเองหยุดคิดก่อนสักปีนึงดีกว่า ดูว่ามีอาการหมกมุ่นกับรอยสักเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย ถ้าไม่มีเลยเราค่อนข้างฟันธงว่าชอบรอยสักเฉพาะลายนั้นอย่างเดียว ถ้ายังอยากจะสักอยู่ก็ได้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันก็จะเป็นแค่รอยสักแฟชั่นน่ะ
อีกอย่างนะ ชั่วเวลาแค่วีคกว่าๆมันบอกไม่ได้หรอกว่าจะชอบรอยสักอันนั้นจริงรึเปล่าน่ะ เพราะงั้นถึงได้บอกไงว่าคนที่แนะนำแบบนั้นช่างไม่รู้เหนือรู้ใต้เอาซะเลย ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่รักรอยสักจริงๆจะไม่แนะนำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้แน่ๆ เอาเป็นว่าขอร้องกันตรงนี้เลยละกันนะ เจอใครมาถามว่าจะสักดีหรือเปล่า อย่าได้ไปแนะนำให้ลองเขียนเฮนน่าแทนเลย เพราะมันไม่ใช่คำตอบ
4 ย่อหน้าผ่านไปเหมือนระบายความอัดอั้นของตัวเองมากกว่าเลยเนอะ ประเด็นที่อยากจะให้พิจารณาจริงๆก็คือระยะเวลาที่สนใจในการสัก เอาง่ายๆเลยนะ ถ้ารักรอยสักเองอยู่แล้วจริงๆจะไม่มาถามใครหรอกว่าจะสักดีมั้ย ก็คงกำเงินเดินไปร้านสักแล้วละ ถ้าเกิดว่าไปเจอรอยสักไหนสวยๆมาแล้วอยากได้อยากมีบ้าง โดยที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยสนใจไยดีเรื่องสักมาก่อน แบบนี้แนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบไปสักเลย หยุดคิดทบทวนก่อนดีกว่าว่าจริงๆแค่ปลื้มในรอยสักอันนั้นหรือรักรอยสักจริงๆกันแน่ เท่าที่เราได้เคยคุยแลกเปลี่ยนกับคนรักรอยสักมาหลายคน ส่วนมากก็มีใจชอบมาตั้งแต่อายุไม่เยอะกันทั้งนั้น ไม่ว่าแรงบันดาลใจจะมาจากไหนก็ตาม ถ้าสักเพราะตามแฟชั่น ถึงวันนึงก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรกับมันอีกต่อไป อาจจะไม่ถึงกับเกลียดจนอยากลบทิ้งหรือรู้สึกว่าคิดผิดที่ไปทำมา แต่ก็จะไม่สามารถมองรอยสักนั้นแล้วรู้สึกรักมันในทุกๆวันได้เลย คนที่รักในศิลปะการสักจริงๆจะมีอาการหมกมุ่นกับมันพอสมควรนะ จะชอบนั่งดูงานในเนท เวลาไปไหนที่เจอร้านสักก็มักจะแวะดูผลงาน ชอบดูคลิปเกี่ยวกับวงการสัก หรือแม้แต่ดั้นด้นไปเทศกาลสักต่างๆ ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่ได้รักในรอยสักมาก เราว่าให้เวลากับตัวเองหยุดคิดก่อนสักปีนึงดีกว่า ดูว่ามีอาการหมกมุ่นกับรอยสักเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย ถ้าไม่มีเลยเราค่อนข้างฟันธงว่าชอบรอยสักเฉพาะลายนั้นอย่างเดียว ถ้ายังอยากจะสักอยู่ก็ได้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันก็จะเป็นแค่รอยสักแฟชั่นน่ะ
เราก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเรารู้จักว่ารอยสักคืออะไรตั้งแต่ตอนไหน
แต่นาทีนั้นที่เราเห็นโฆษณาอันนี้เราตกหลุมรักรอยสักเข้าอย่างจัง
(รวมทั้งผู้ชายที่มีรอยสักด้วย) นับจากนั้นเราก็มองหารอยสักตามสื่อต่างๆอยู่เรื่อย
พอโตขึ้นมาอีกนิดเราไปเห็นมาจากไหนไม่รู้ว่าแค่เอาปากกาหมึกดำเขียนรูปที่
ฃผิวหนังส่วนเรียบๆแล้วเอาแป้งเด็กโรยหน่อยนึง มันก็จะดูเหมือนรอยสักแล้ว
เท่านั้นแหละ เราเขียนตัวเองแทบทุกวันเลย เป็น shape ง่ายๆแล้วถมดำเอานี่แหละ ชอบเขียนตามข้อมือ
หลังมือ เหนือตาตุ่มด้านใน เขียนให้เพื่อนด้วย แต่มาเริ่มเขียนอะไรที่มันเป็นรอยสักจริงๆก็ตอนปีเตอร์ออกอัลบั้มแรก
(ใช่ อิปีเตอร์ big bike หนีเมียนั่นแหละ) เราเห็นรอยสัก tribal
ที่ต้นแขนด้านนึงของฮีแล้วชอบ (มองย้อนไปกูชอบเข้าไปได้ไง ลาย tribal
ดาดๆแบบนั้น) เราพยายามหารูปจากแมกกาซีนดารา
เอาที่เห็นรอยสักชัดๆเต็มๆ แล้วก็เอามาวาดลงกระดาษเก็บไว้เอง
รวมทั้งพยายามพลิกแพลงหาทางลอกลายในกระดาษลงไปติดบนผิวให้ได้
แล้วค่อยเอาปากกามาถมดำและโรยแป้งทีหลังตามแบบเดิม
ตอนนั้นคิดว่าตัวเองลอกลายออกมาได้สวยเอาการเลยนะ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนเลยแหละ
เขียนติดไหล่ข้างเดียวกับฮี แล้วก็อวดคนไปทั่วบ้าน โดนด่ายกใหญ่ว่าเขียนลายลวดหนามปีศาจอะไร
น่าเกลียด ทำไมไม่เขียนอะไรที่มันดูน่ารักกว่านั้นหน่อย
หลังจากนั้นนิดหน่อยเราก็ไม่ต้องใช้หมึกเขียนตัวอีกแล้ว เพราะ Maybelline ได้ออกผลิตภัณฑ์สำหรับเขียนเป็นรอยสักโดยเฉพาะขึ้นมา
เราเจอโฆษณาจากใน Cosmopolitan (แก่แดดแต่เด็กนะ
ทั้งอ่านแมกกาซีนแบบนี้ ทั้งอยากจะสัก) เลยรีบพุ่งไปซื้อมาจาก Watson's สาขาใกล้โรงเรียน
ตอน อายุ 16 ถึงจะเริ่มมีความคิดอยากไปสักจริงๆจังๆ ร้านสักร้านแรกในชีวิตที่รู้จักคือสตูดิโอสักลาย ที่ชั้น 2 โรงหนังลิโด ช่วงนั้นบ้าหนังมาก ไปดูหนังแทบจะวันเว้นวันเลยเห็นสตูฯนี้ แต่ตอนนั้นยังเด็ก ไม่รู้ว่าแวดวงการสักเขามีข้อห้ามยังไงบ้าง ไม่รู้เลยว่ากับร้านดีๆมีมาตรฐานแบบนั้นเขาจะไม่รับสักให้เด็กที่อายุต่ำ กว่า 18 ปีกัน และเราก็ไม่รู้จักว่ารอยสักมีกี่แบบด้วย เห็นอยู่แต่งาน tribal กับรอยสักกุหลาบแดงสะเหล่อๆแบบยุค 90 ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าขอรูปอะไรก็ได้ที่ฝีมือไม่กากเหมือนเอาตีนทำ ยังไงก็ได้ขอแค่ฉันได้มีรอยสักติดตัวก็พอ เราจัดแจงบอกเพื่อนสนิทในห้องว่าเดี๋ยวช่วงเรียนซัมเมอร์แกไปเป็นเพื่อนฉัน หน่อย ชั้นจะไปสักที่บลาๆๆ เพื่อนร้องโอดโอยเลย จะบ้าเหรอ แกจะสักทำไม อายุเท่านี้จะสักเหรอ ฉันไม่ไปด้วยหรอก น่ากลัว เลือดเต็มแน่ๆเลย เราก็เลยแบบเออๆ ช่างแก ฉันจัดการคนเดียวก็ได้ ถึงช่วงซัมเมอร์ก็ใจแข็งว่าจะลองเข้าร้านไปถามหน่อย หยุดยืนแค่หน้าประตูเลยจ้า เพราะเจอป้ายจังๆว่าเขาไม่รับลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
ตอน อายุ 16 ถึงจะเริ่มมีความคิดอยากไปสักจริงๆจังๆ ร้านสักร้านแรกในชีวิตที่รู้จักคือสตูดิโอสักลาย ที่ชั้น 2 โรงหนังลิโด ช่วงนั้นบ้าหนังมาก ไปดูหนังแทบจะวันเว้นวันเลยเห็นสตูฯนี้ แต่ตอนนั้นยังเด็ก ไม่รู้ว่าแวดวงการสักเขามีข้อห้ามยังไงบ้าง ไม่รู้เลยว่ากับร้านดีๆมีมาตรฐานแบบนั้นเขาจะไม่รับสักให้เด็กที่อายุต่ำ กว่า 18 ปีกัน และเราก็ไม่รู้จักว่ารอยสักมีกี่แบบด้วย เห็นอยู่แต่งาน tribal กับรอยสักกุหลาบแดงสะเหล่อๆแบบยุค 90 ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าขอรูปอะไรก็ได้ที่ฝีมือไม่กากเหมือนเอาตีนทำ ยังไงก็ได้ขอแค่ฉันได้มีรอยสักติดตัวก็พอ เราจัดแจงบอกเพื่อนสนิทในห้องว่าเดี๋ยวช่วงเรียนซัมเมอร์แกไปเป็นเพื่อนฉัน หน่อย ชั้นจะไปสักที่บลาๆๆ เพื่อนร้องโอดโอยเลย จะบ้าเหรอ แกจะสักทำไม อายุเท่านี้จะสักเหรอ ฉันไม่ไปด้วยหรอก น่ากลัว เลือดเต็มแน่ๆเลย เราก็เลยแบบเออๆ ช่างแก ฉันจัดการคนเดียวก็ได้ ถึงช่วงซัมเมอร์ก็ใจแข็งว่าจะลองเข้าร้านไปถามหน่อย หยุดยืนแค่หน้าประตูเลยจ้า เพราะเจอป้ายจังๆว่าเขาไม่รับลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
แล้วเราก็ลืมเรื่องรอยสักไปพักใหญ่ จนถึงช่วงใกล้เข้ามหาลัย เราดู Channel [V] เห็นนักร้องสาวไทยคนนึง ตัดอันเดอร์คัทแล้วมัดจุก มีรอยสักสีๆเต็มต้นแขน ใช่แล้ว เธอคือส้ม อมรา วินาทีนั้นรู้เลยว่าเนี่ยแหละตัวตนแบบที่กูอยากเป็น อินเนอร์กูเป็นผู้หญิงแบบนี้ เราพยายามจะหาข้อมูลจริงๆจังๆนะ แต่ค่อนข้างมืดแปดด้าน เพื่อนๆเราก็ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องทำนองนี้ เด็กคอนแวนต์ยุคเราค่อนข้างจะคลีนมาก เรื่องการสักสมัยนั้นเป็นอะไรที่เทาๆสำหรับสังคมไทยพอสมควร เลยหวังความช่วยเหลือจากเพื่อนๆไม่ได้ และพี่น้องผู้ชายเราก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี โตมาคนเดียวแบบอยู่แต่กับตัวเอง เลยต้องเก็บความอยากไว้ก่อน ตั้งใจว่าเข้ามหาลัยและอายุถึง 20 เมื่อไหร่กูจัดเต็มแน่
ช่วง 20 กว่าๆเรามีโอกาสได้ไปเดินงานสักระดับอินเตอร์ที่จัดในไทยเป็นครั้งแรก สมัยนั้นเบลล์ China Doll ยังคบกับจอย หว่อง ลูกสาวช่างสักยุคบุกเบิกของไทย งานจัดที่สวนลุมไนท์ฯ เราก็ไปเดินดูงาน แต่ไม่กล้าสัก เพราะว่าท่าทางจะแพง ดูงานก็รู้ว่ามีแต่ช่างระดับพระกาฬทั้งนั้นเลย เด็กแบบเราคงไม่มีปัญญาจ่าย ตอนนั้นเริ่มดูงานเป็นละไงว่างานไหนดีแบบไหนกาก แต่ยังไม่รู้ระบบการคิดราคามากนัก เวลาก็ผ่านไปหลายปี มีแฟนกี่คนๆแฟนก็ไม่ชอบให้สักทั้งนั้น ยังดีว่าพวกเขาไม่ได้แอนตี้นะ แต่แค่อยากมีแฟนตัวเนียนๆมากกว่า เพราะเราค่อนข้างขาวด้วยทั้งที่ไม่มีเชื้อจีน
ในปี 2009 เราไปเรียนต่างประเทศ ก็มีร้านสักในเมือง 2-3 เจ้านะ แวะเข้าไปดูมาเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้สักอีก เพราะคิดว่าราคามันต้องแพงแน่ๆ แต่มันเป็นจุดเริ่มที่ดีอย่างนึงคือเราเริ่มสังเกตแล้วว่าตัวเองถูกจริตกับงานประเภทไหน จริงๆยังเรียกชื่อประเภทไม่ค่อยถูกด้วยซ้ำ แต่รู้ว่า tribal หรือพวก mechanic ต่างๆนี่ไม่เอาแน่ๆ ไม่ใช่ทางเลย จนกลับมาไทยปลายปี 2011 ได้พักนึงก็เลิกกับแฟนคนไทย คราวนี้หันไปคบแฟนฝรั่งคนแรก (คนฝรั่งเศสที่แนะนำให้รู้จัก Xoil นั่นแหละ) คนนี้ฮีชอบมากทั้งเรื่องสักเรื่องเจาะ เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เราก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลอย่างจริงจัง คราวนี้ได้มาเพียบเลย รู้แล้วว่าถูกใจงาน American old school ที่สุด รองลงมาก็เป็นงาน neo-traditional แล้วก็ไปสักรอยแรกปี 2012 หลังจากค้นคว้ามาเป็นอย่างดี ได้สักกับช่างมืออาชีพมือรางวัลแต่ร้านอยู่ใกล้บ้านมาก (นั่งมอไซ 15 บาทเอง) เป็นช่างที่ทำงานแบบที่เราชอบได้สวยมากด้วย แต่กลับเลือกที่จะสัก quote เพราะกลัวเจ็บ ชิมลางไปก่อนว่าทนไหวแค่ไหน คิดว่าถ้าทนไหวก็จะสักสะสมไปเรื่อยๆเลย
จากแรกที่หลงรักในรอยสัก จนมาถึงวันที่ได้สักครั้งแรกห่างกันราว 15 ปี เป็นการรอคอยที่นานพอดู แต่มันก็คุ้มค่าที่สุด เพราะมันช่วยบ่มความคิดเราให้ตกตะกอน ให้เราเข้าใจว่าเราชอบงานสักแบบไหน ให้เราเลือกช่างตรงกับงานที่เราต้องการ ให้เราไม่ประมาทในเรื่องความสะอาด และเราก็จะเริ่มลายที่สองในอีกไม่ช้านี้ ตื่นเต้นไม่แพ้ตอนจะได้สักครั้งแรกเลย ทุกวันนี้ยังนึกขอบคุณแมกกาซีนเล่มนั้น ที่ถึงแม้วันนี้ล้มหายตายจากไปจากวงการนิตยสารไทยแล้วก็ตาม (นิตยสารแก้ว) และขอบคุณ Guess ด้วย ที่ทำให้เราได้พบกับศิลปะที่น่าหลงใหลแบบนี้ และก็คงจะต้องขอบคุณในรอยสักเหมือนกันที่ทำให้เรามีความสุขมากมาย ได้พบเจอคนคอเดียวกัน ได้เพื่อนใหม่ดีๆ และช่วยคัดกรองเอาคนแย่ๆที่ชอบตัดสินคนจากภายนอกออกไปจากชีวิตเราได้
photo
credits:
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071421
http://www.we-mag.com/only-on-web/world-wide-wed/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2/
http://wachalife.com/blog/18046.html
http://www.mode.com/stories/classic-cosmetic-advertisements-from-the-1990s/11680248
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071421
http://www.we-mag.com/only-on-web/world-wide-wed/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2/
http://wachalife.com/blog/18046.html
http://www.mode.com/stories/classic-cosmetic-advertisements-from-the-1990s/11680248
(ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น)
Sands Casino: Casino, Sports, & More | California, USA
ตอบลบOur casino resort septcasino offers over 1600 of the latest slot machines and video poker 바카라 사이트 machines, including popular favorites like "Seven Card Poker," "Wild 카지노사이트 West Stud Poker," "Seven